ข่าวน้ำท่วม
ตั้งแต่ -> Input -> Process -> Output -> Feedback -> ตามวงจรของทฤษฎีระบบนั้น ขอเริ่มคุยจากขั้นตอน Input ของการบริหารจัดการน้ำดังนี้ ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าทำงานในองค์กรเอกชนใหญ่และเน้นการทำงานแบบให้ได้ผลในทางปฏิบัติจริงๆ บริษัทสุดท้านเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของญี่ปุ่นที่เน้นการทำงานโดยกำหนดเป้าหมายเป็นวินาทีครับ บวกกับภูมิดำเนาเดิมเป็นคนเชียงใหม่ที่เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำปิง ที่เกิดขึ้นแนวเทือกเขาแดนลาว ในเขต อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งตอนอยู่ในเขต จ.เชียงใหม่ ก็จะมีแม่น้ำอีกมากมายหลายสายที่ได้ไหลมารวมแล้วทำให้แม่น้ำปิงมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่แม่น้ำสายแรก คือ น้ำแม่แตงซึ่งมีแหล่งกำเนิดบริเวณเดียวกันกับแม่น้ำปิง แต่แยกสายกันไหลไปคนละอำเภอแล้วกลับ มารวมกันอีก ส่วนที่เหลือคือ น้ำแม่หาด น้ำแม่งัด น้ำแม่ริม น้ำแม่กวง น้ำแม่งาน น้ำแม่ตื่น น้ำแม่กลาง น้ำแม่แจ่ม น้ำแม่ตื่นเป็นต้น โดยแม่น้ำปิงถูกกั้นโดยเขื่อนภูมิพล ที่อ.สามเง จ.ตาก ซึ่งเป็นที่มาของทัพน้ำเหนือที่มีปริมาณมากที่สุดและเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำที่มาท่วม กทม. แหละครับ
เมื่อต้องปล่อยน้ำปิงออกจากเขื่อนภูมิพลในปริมาณมากมายมหาศาลขนาดนี้ไม่ว่าจากเหตุผลที่แท้จริงด้วยสาเหตุไรก็ตามตาม จึงทำให้ทัพน้ำปิงมหาศาลก็บุกตลุยลงมาข้างล่างแบบไม่มีอะไรขวางได้ต้านได้ ดังนั้นการเกิดการไหลการไปการกระหน่ำแบบแม่คงคาพิโรธจึงเหมือนกันกับแม่น้ำวัง ยม น่าน นั่นแหละขอให้ทุกคนเข้าใจได้เลยแม่น้ำ 4 สายนี้มีลักษณะการเกิด การอยู่ การไปเหมือนกันหมดแม้ไม่ 100 % ก็ตาม การเกิดของแม่น้ำแต่ละสายนี่แหละคือ Input ของกระบวนการบริหารจัดการน้ำที่เรากำลังพูดกันอยู่นี่ แม่น้ำปิงเกิดบนเทือกเขาแดนลาว ดังนั้นแม่น้ำวัง ยม น่าน ก็มีลักษณะเหมือนกันน่ะแต่ขอบอกไว้ตรงนี้ว่าข้าพเจ้าไม่มีข้อมูล 100% เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่ที่แม่น้ำ 3 สายนี้กำเนิด
การเกิด การอยู่ การไปของแม่น้ำแต่ละสาย เราก็จะต้องดูใน 2 มิติใช่ไหมละ คือ ปริมาณ และคุณภาพ ปริมาณคือหน้าแล้งทุกวันนี้น้ำปิงแห้งกว่าแต่ก่อนสุดๆแบบว่าเกิน 5 ปีต่อไปข้างหน้าหน้าแล้งเกษตรกรไม่น่าจะมีน้ำปลูกพืชผักอะไรได้เลยแหละ และคนที่อยู่ในตัวเมืองแต่ละจังหวัดก็คงไม่มีน้ำประปาพอกินพอใช้ สนามก๊อฟ โรงงานก็คงต้องปิดกิจการ หรือลดกำลังผลิตลง เพราะปริมาณน้ำไม่พอเรื่องนี้เคยเกิดในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมใน จ.ระยองยุคสมัยนายกทักษิณน่ะ เพราะจำได้ว่ารองนายกสมคิดออกมาขู่ให้ผู้ว่าการนิคมเอาคอพาดเขียงไว้รอฟัน ส่วนหน้าฝนก็เห็นว่าแต่ก่อนน้ำปิงไม่ค่อยท่วมมาก แต่ระยะหลังเริ่มท่วม เมืองเชียงใหม่ และลำพูนแบบถึงเอวถึงหน้าอกไปหลายครั้งแล้วน่ะครับ และปล่อยทัพเล็กทัพหน้าโจมตีหลายพื้นที่ในภาคกลาง และ กทม.หลายครั้งแล้วนี่ แต่ทุกคนก็ไม่มีใครไปดำเนินการตรงจุด Inputของแม่น้ำแต่ละสายเลย เอาแต่จะทำเขื่อนทำคลอง ทำที่ระบายน้ำอยู่ตลอดทุกครั้งที่คุยกันประชุมกัน
ส่วนอีกมิติหนึ่งคือคุณภาพน้ำใช่ไหมว่าแม่น้ำแต่ละสายปัจจุบันสกปรกกว่าสมัยก่อนมากก็มาจากสาเหตุใหญ่ๆคือการใช้สารเคมีของเกษตรกร การปล่อยน้ำเสียและมีสารเคมีเจอปน จากโรงงาน โรงแรม สนามก๊อฟ สถานบริการทุกประเภทเช่นห้าง ภัตราคาร โรงแรม โรงหนัง รพ.และชุมชน ต่างๆใช่ไหมละ เวลาไปเก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจวัดคุณภาพ ก็เกินค่ามาตรฐานตลอด ไม่ว่าค่าหลักๆง่ายๆอย่างค่า Ph , Bod , Cod , Grease & Oil , Cromium โอ๊ยผมก็จำไม่ห...มดเพราะผมมันนักรัฐศาสตร์ไม่ใช่นักวิทยา หรือ นักสิ่งแวดล้อม นี่ทุกวันนี้ก็แย่มากน่ะบางที่เกิดจากเหมือง หรือ โรงงานที่ไปผลิตสินค้าบางอย่างปล่อยสารบางชนิดลงแม่น้ำลำคลองจนทำ ให้ชาวบ้านบางแห่ง มีอาการทาง ผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย และอีกอื่นอีกไง เอ้าขอจบตรงนี้ก่อน ที่จะ ขึ้นส่วน Input กระบวนการบริหารจัดการน้ำเสียที
แต่ที่เป็นวัตถุดิบหลักของส่วนที่เป็น Input ของกระบวนการบริหารจัดการน้ำคือ ต้นไม้กับป่าไม้ครับ สมัยผมเป็นเด็กยังอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ในหลวงท่านไปทำโครงการหลวงปลูกป่าปลูกต้นสนสองใบในอำเภอเชียงดาว ไปอำเภอเวียงแหง ท่านให้คนงานหลวงไปปลูกต้นสนสองใบบนภูเขาหัวโล้นที่เกิดจากชาวเขาเผ่ามูเซอ ลีซอ ทำไร่เลื่อนลอย ท่านปลูกแล้วให้คนดูแลป้องกันไม่ให้ไฟป่าไหม้ป่าสนโดยเฉพาะฤดูแล้ง และในหลวง ราชินี พระเทพ ฟ้าหญิงเล็ก... บางครั้ง ฟ้าชายก็เสด็จ ซึ่งฤดูหนาวทุกพระองค์ก็จะไปประทับที่พระตำหนักภูพิงค์ฯซึ่งไปทุกปีสิ่งที่ท่านจะทำหลักๆคือไปพระ ราชทานปริญญาแก่เหล่าบัณฑิต มหาบัณฑิต ของ มช. ส่วนเวลาที่เหลือท่านทรงขึ้น ฮ.นั่งรถยนต์ตะลุย ไปตามภูเขา ไปยอดดอย ตามท้องไร่ท้องนา ไปดูตามแม่น้ำลำห้วย ทุกแห่ง เพื่อดูว่าต้องทำอะไรทำเท่าไหร่ ทำเมื่อไหร่ เพื่อคอนโทรล Input ที่จะเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งตอนหลังป่าโครงการหลวงให้ความชุ่มชื้นแก่ที่ดินมากทำให้หน้าแล้งน้ำที่เคยแห้งเหือดหลายสายก็กลับมามีน้ำไหล หน้าฝนพอฝนตกมากก็มีต้นสนต้นไม้อื่นๆที่กลับมาเป็นป่าทึบคลุมภูเขาทุกลูกก็ดูดซับน้ำฝนที่ตกลงมาบนยอดเขาต่างๆได้ครึ่งต่อครึ่ง จึงทำให้น้ำป่าไม่ไหลพรวดๆๆๆมากระหน่ำ เมืองเชียงใหม่ หรือ อำเภอแม่แตงแบบที่ผ่านมาไงละ
แต่หลายปีมานี้ที่ในหลวงท่านพระชนมายุเยอะ รวมทั้งสมเด็จพระบรมราชินีด้วยไม่ได้ไปดูป่าตามโครงการต่างๆที่ปลูกไว้ จึงทำให้สิ่งที่เห็นได้ง่ายที่สุดคือโครงการหลวงที่ปลูกไม้สนสองใบไว้บนดอยขุนคอง อ.เชียงดาว พวกลีซอก็เริ่มมาตัดป่าสนเผาทิ้งทำไร่เลื่อนลอยจนบางแห่งหมดภูเขาไปทั้งลูก บางเขาก็หายไปครึ่งลูก บางภูเขาก็แหว่งไปบางส่วน นี่แค่ที่เห็นโครงการหลวงตามถนนใหญ่ผ่านนะ แล้วป่าทางเชียงราย พะเยา และทั่วภาคเหนือ...ละ เราก็เห็นเหมือนกันหมด หลายที่หลายแห่งป่าไม้จะหมดไปทั้งภูเขาภายในแค่ 2-3 วันเองครับ ป่าไม้หมดไปเพราะอะไร ทำไร่เลื่อนลอยชาวเขา ชาวบ้านไปหักร้างถางพงเพราะไม่มีที่ทำกินเนื่องจากที่ทำกินที่มีอยู่เดิมก็ขายรับประทานแป้บเดียวเงินก็หมด ก็ไปหักล้างถางป่าในพื้นที่ลึกเข้าไปอีก บางที่ก็มีนายทุนไปจ้างชาวบ้านหักล้างถางป่าเพื่อทำรีสอร์ท สนามก้อล์ฟ ทำฟาร์มสุดหรู ตัดไม้ขายทั้งชาวบ้านและนายทุนใช่ไหมละ แล้วมี ขรก.นักการเมืองเป็นแบ็คอัพอย่างดีแบบว่าไม่ต้องกลัวโดนจับ พวกมึงโดนจับก็ไม่มีวันติดคุก แค่รู้ว่ากูอยู่เบื้องหลังทุกอย่างหลุดหมดแหละ แบบนี้ไง สันดานคนไทยจำพวกหนึ่งไล่ตั้งแต่ ชาวเขา ชาวบ้าน นายทุน ขรก. นักการเมือง มักง่ายหาแดกแบบง่ายๆไม่อยากลำบากแบบทำไปเหอะไม่เสียหายอะไรหรอก นี่ไงกรรมไหมละอยู่ กทม . แต่อยากไปเป็นมากเจ้าของรีสอร์ทสวยๆในตจว.ภาคเหนือ แล้วมีเงินปลูกบ้านเป็นหลัก 10 ล้าน 100 ล้านบาท แล้วไงธรรมชาติเอาคืนแล้วไง วันก่อนนายอะไรนะที่ดังๆบอกว่าเท่าเทียมกันครับหมู่บ้านผมมีแต่คนรวยๆ พวกผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยกหูคุยเป็นการส่วนตัวกับ นรม. ผู้ว่า กทม. แต่โดนเหมือนกันหมดรถจมมิดคันทั้งหมู่บ้าน แล้วทำไมคนไทยเราส่วนมากไม่ทำเหี้ยแบบพวกห่านี้ ทำไมเราต้องรับกรรมกะพวกมันแหมก็พวกมันทำผิดพวกเราดันปิดปาก ธรรมชาติจึงลงโทษหมู่แบบตอนที่เราเรียน รด.แล้วมีเพื่อนทำผิดแล้วไม่มีใครชี้ตัวไอ่เวรนั่น ครูฝึกเลยจับลงโทษหมู่ไง เหมือนกันครับพี่น้อง สังคมไทยเรายอมให้คนทำผิดแล้วกลับยอมรับที่พวกมันร่ำรวยเลยโดนซะไปกะพวกมันไง Get ยังละ 55555
สิ่งที่เห็นมาตลอดคือที่ไม่มีใครพูดที่ทำให้ป่าไม้ทางภาคเหนือถูกทำลายมากกว่าที่ควรจะเป็นมีอีก 2 ประการคือ 1.การที่ประเทศไทยปฏิบัติต่อชาวเขาทุกชนเผ่าแบบเป็นพวกด้อยโอกาสแบบมีสิทธิพิเศษ คือให้อภัย ไม่ให้ใช้ไม้แข็งลงโทษตามกม.เวลาพวกนี้ทำผิดโดยเฉพาะการตัดไม้ทำลายป่าแม้เห็นตัดเป็นภูเขา ทั้ง ทหาร ตร. ฝ่ายปกครองเวลาขับรถผ่านก็หลับตาแบบสนิทข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งพยายามหรี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แบบเหลือกะตี๊ดนึง แค่ไม่ให้รถตกขอบถนนแค่นั้นแหละ ดังนั้นการที่ไม่เคยเฆี่ยนตีพวกชาวเขาเลย ได้แต่ใช้แต่พระคุณนะทำให้พวกชาวเขาไม่เกรงใจและหลายคนรู้สึกว่าพวกเขาได้สิทธิพิเศษ ทำอะไรก็ไม่ผิด นั้นนำมาซึ่งความฉิบหานเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าแบบไม่จบไม่สิ้น จริงอยู่การใช้มาตรการเชิงบวกให้ปลูก พืชผักเมืองหนาวนั้นดีไหม ต้องตอบว่าดีและได้ผลมาก แต่อย่างว่าแหละ ชาวเขา ชาวบ้าน นายทุน ขรก. นักการเมือง ต่างก็มีคนเป็นบัว 4 เหล่าของพระพุทธเจ้าหมด ดังนั้นการที่ไม่เอาการลงโทษตาม กม. ทำให้ชาวเขาที่เป็นพวกใต้โคลนตม ทำลายป่าอยู่ตลอด แล้วสิ่งที่ฉิบหายมากคือไปชวนญาติพี่น้องที่อยู่ฝั่งพม่า อพยพมาเรื่อยๆแบบไม่จบไม่สิ้น ชาวเขากลุ่มนี้หมายถึงพวกใต้โคลนตมที่อยู่เดิมกับที่หนีมาจากพม่า นั้นคือทำลายป่าไม้กับค่ายาเสพติดแบบไม่จบสิ้นครับ และพม่าเองก็มีสันดานแบบขี้โกงคือไม่อยากให้คนเชื้อชาติอื่นอยู่ในแผ่นดินพม่าเพราะแผ่นดินพม่านั้นมากกว่าครึ่งพม่า
คดโกงเอาแผ่นดินกระเหรี่ยง มอญ ไทยใหญ่ คะฉิ่น ไป พม่าพอรู้ว่ามีแบบนี้ด้วยก็เล่นงานทุกเชื้อชาติให้ไม่อยากอยู่พม่าต่อไปแต่ขอมาตาบดาบหน้าในเมืองไทยไงละครับ
เอ้าต่อครับจะได้จบๆ อีกประการหนึ่งก็คือ การที่พม่ารู้ว่าไทยใจอ่อน สิ่งที่พม่าทำคือ เล่นงานกลั่นแกล้งพวกชนกลุ่มน้อย ทางเชียงใหม่เชียงรายติดรัฐฉาน คือพวกไทยใหญ่โดยทหารพม่าก็จะคอยมาเผาบ้านพวกไทยใหญ่ทิ้งเป็นหมู่บ้านๆ ฆ่าทั้ง หญิง ชาย เด็ก โดยเฉพาะผู้หญิงจะถูกทหารพม่าข่มขืนเป็นว่าเล่น ซึ่งการข่มขืน บางครั้งโดนเรียงคิวเป็นหลายสิบคน หรือข่มขืนเสร็จก็ฆ่าทิ้ง ส่วนผู้ชายพอเป็นผู้ใหญ่ก็บังคับไปหาบเสบียง อาวุธ ยุทโธปกรณ์ แล้วให้เดินนำทหารพม่า เวลาเข้ารบกับพวกกำลังชนกลุ่มน้อยเพื่อป้องกันการวางกับระเบิด หรือพลซุ่มยิ่งก็ให้พวกลูกหาบที่เป็นพวกไทยใหญ่รับลูกปืนลูกระเบิดให้ทหารพม่าตั้งตัวทันกระโดดหนีได้ ส่วนทางจังหวัดตากก็พวกกระเหรี่ยง ทางกาญจนบุรีก็พวกมอญ เป็นแบบนี้หมด เลยทำให้พวกไทยใหญ่พากันหนีมาอยู่ในประเทศไทยไม่รู้จบสิ้น แรกๆก็มาแค่ผู้ชาย ตอนหลังจากมาผู้หญิง แล้วพอชินพื้นที่ก็ไปขนมาทั้งตระกูล พ่อแม่ลูกหลานพ่อตายแม่ยาย โห แล้วพากันเข้ามาทำงานในเชียงใหม่เต็มไปหมดแล้วบอกเลยว่าทั้งที่ทำงานราชการ เอกชน พวกแม่บ้านเป็นชาวไทยใหญ่หมด คนใช้ตามบ้าน กรรมกรก่อสร้าง ยามหรือแม้แต่ทำของผิดกฎหมายมีหมดเลยทั้งหญิงทั้งชาย บอกตรงๆ เชียงใหม่เดี๋ยวนี้กลายเป็น New Shan State ไปแล้วแหละในทางปฏิบัติ เหมือนพรรคพวกบอกว่าที่สมุทรสาครก็เหมือนกันเป็น New Mynmar Country ไปนานแล้วครับ ดังนั้นพวกนี้พอมาอยู่ตามชายแดนตามห้วยตามเนิน ตามเขา ก็สร้างหมู่บ้านขึ้นหมดภูเขาไปเป็นลูกๆเลยละกันโดยเอาเงินจากมาทำงานในเมืองเชียงใหม่ส่งไปสร้างบ้านซื้อจยย. ขี่ไปมาทั้งในเมืองและชายแดน ลองไปดูเหอะที่ขายของแล้วพูดไม่ชัดน่ะส่วนมากจะเป็นสาวไทยใหญ่ฝั่งพม่าย้ายมาทั้งนั้นแหละ นี่ก็ทำให้คนไทยใหญ่ที่อพยพหนีมาตอนี้ทั่วประเทศไทยน่าจะเกินล้านคนแล้ว แต่ยังไม่หมดน่ะ ไทยใหญ่มีทั้งหมด ประมาณ 13 ล้านคน พม่าก็พยายามบีบต่อไปให้ย้ายออกมาเรื่อยๆ แล้วพวกไทยใหญ่ก็อยากมาอยู่กะไทยน้อยเหลือเกินเพราะรู้สึกว่าเป็คนเชื้อสายเดียวกันกับคนไทยน่ะ แบบ 3 จ.ชต.ที่อยากไปอยู่กับมาเลย์นั่นแหละ เอ้อพูดไปก็หนักใจไทยแลนด์เจอทั้งๆขึ้นทั้งล่องผิดฝาผิดเผ่าไปหมดแบบเนี๊ย
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุยต่อประเด็น Input ของระบบการบริหารจัดการน้ำต่อจากสัปดาห์ที่แล้วดีกว่า อย่างที่บอกไงว่าหากเรามาดูและให้ความสำคัญแค่ขั้นตอน Process และOutput ที่ว่าจะสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ขุดคลอง ก่อกำแพง สร้างอุโมง ฝลัดเวย์ เครื่องสูบน้ำออกจาก กทม.ไปลงทะเล หรือ เห็นว่าจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่บนดอยอินทนนท์ หรือ ไปอยู่กะแม้วที่ดอยปุย โดยที่ไม่คิด ไปพูด ไปทำ ไปบริหารตรง Input ของระบบการบริหารจัดการน้ำนะ ยังไงก็แก้ปัญหาได้แค่ครึ่งเดียวอยู่ดี แต่ก่อนบอกว่าน้ำท่วม น้ำแห้ง เลยมีการสร้างเขื่อนป่าสักขึ้นมา แต่น้ำท่วมครั้งนี้สาเหตุหนึ่งก็เพราะเขื่อนป่าสักปล่อยน้ำมานั่นแหละจร้า ดังนั้นก็เลยอยากจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นให้รู้แล้วรู้แรดซะให้ได้ อันนี้ไม่ได้บอกว่าสร้างแล้วดีหรือไม่ดี แต่รับรองว่าสร้างแล้วสักวันหากไม่มีการดำเนินการที่ต้นสายน้ำ เขื่อนแก่งเสือเต้นก็จะต้องปล่อยน้ำลงมาอาละวาดทำร้ายปชช.แบบเสือสมิงเลยละตะปบไม่เลือกฆ่าก็ไม่ตาย อรื๋ยยยยๆๆๆๆแค่คิดก็สยองซะเล้ว
เราต้องดูแลและฟื้นฟูป่าตามเทือกเขาแดนลาวในเขต จว.ภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่เชียงรายแม่ฮ่องสอน ลำปาง แพร่ น่าน ตาก อุตรดิตถ์ และขยายไปภาคอื่นทั่วประเทศเพื่อป้องกันน้ำท่วมดินถล่มทั้งอีสาน และภาคใต้ การดูแลและฟื้นฟูป่าต้องทำให้มากกว่านี้ 10% หรืออาจจะถึง1,000 เท่า แต่ผมว่า 10,000 เท่าหากคนไทยระดมช่วยกันซะครึ่งหนึ่งที่ช่วยน้ำท่วมตอนนี้ก็เหลือเฟือครับ แต่การดูแลฟื้นฟูป่า ขั้นแรกไม่ใช่ปลูกป่านะครับ เพราะ...ปลูกป่าแล้วทำให้สถานการณ์ดีขึ้นไม่ทันปลูกวันนี้กว่าจะใช้ได้เป็น 10 ปีขึ้นไป ดังนั้นสิ่งที่คนไทยต้องช่วยกันทำอย่างแรกสุดคือปกป้องป้าปกป้องต้นไม้ที่ขึ้นโดยธรรมชาติมาเป็น 100 ๆ ปี และป่าที่ในหลวงกับสมเด็จฯท่านได้ไปปลูกไว้ตามโครงการหลวง ที่มีอยู่หลายแห่งในเขตภาคเหนือ ไม่ให้ชาวเขา ชาวบ้าน นายทุน ขรก. นักการเมือง ที่เป็นบังใต้โคลนตมของพระพุทธเจ้า ทำเลวระยำหากินกับการทำลายธรรมชาติอีกเด็ดขาด ทุกคนต้องช่วยกันดูแล ช่วยกันบริจาคเพื่อใช้เป็นค่าแรงเบี้ยเลี้ยงจนท.และคนงานที่จะต้องไปดูแล ไม่ให้ทำลายแก้ไขกฎหมายให้มีบทลงโทษสถานหนักโดยโทษสูงสุดอาจจะต้องยิงเป้าเหมือนที่รัฐบาลจีนได้ดำเนินการหลายๆกรณี
ปกป้องดูแลต้นไม้ที่โตมาโดยธรรมชาติเป็นร้อยๆปีกับป่าโครงการหลวงให้ได้ก่อน ถึงจะเข้าขั้นที่สองคือไปปลูกป่า แต่การปลูกป่านั้นไม่ใช่ปลูกโชว์เพื่อทำ CSR อย่างเดียวแบบทำกันในปัจจุบันแต่เราต้องวิเคราะห์ว่าต้องปลูกต้นไม้อะไร ปลูกตรงไหน ไม่ใช่ปลูกเฉพาะเนินหรือตีนเขา แต่ปลูกให้เต็มเขาเป็นลูกๆแบบโครงการหลวงที่ดอยขุนคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่นั่นแหละ ปลูกให้ได้อย่างเร่งด่วนปีเด๊ยวแบบครบทุกภูเขาทุกดอยทุกภู ทำได้ครับหากคนทั้งประเทศช่วยกันแบบช่วยน้ำท่วมแบบนี้ ไปปลูกเลยว่า จ.ไหน อ.ไหน จะปลูกดอยไหน ภูไหน เนินไหน OK แค่นี้ก่อนขอไปทานข้าวเที่ยงก่อนเด๋วมาต่อครับ
ที่เราจะต้องไปดำเนินการปกป้องดูแลไม่ให้ป่าไม้ต้นไม้ที่โตมาตามธรรมชาติเป็นร้อยๆปีไม่ให้ถูกทำลาย แทนการไปปลูกใหม่น่ะเพราะหนึ่งความสามารถในการดูดซับน้ำไว้เวลาฝนตกของต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุเป็นร้อยๆปีนั้น จะดูดซับน้ำฝนที่ตกมาได้มากกว่าต้นไม้ที่เราไปปลูกไม้กันเป็นหลายร้อยเท่า อีกอย่างเวลาเราทำ CSR ไปปลูกกันที่ใช้คนใช้งบประมาณไปมากมายแล้วได้ต้นไม้ที่รอดตายเติบโตขึ้นไปเป็นต้นไม้ใหญ่กี่ต้นและกว่าจะมีความดูดซับน้ำได้เท่าต้นไม้ธรรมชาตินั้นกี่ปี แต่ต้นไม้ป่าไม้ตามธรรมชาติหากเราไม่ปกป้องดูแลอย่างเด็ดขาดแค่ชาวเขาชาวบ้าน นายทุนใช้คนแค่ไม่กี่คนวันเดียวโค่นต้นไม้ที่โตมาเป็นร้อยปีไปเท่าไหร่ ทำลายป่าไปครึ่งเขาแล้ว แบบตอนนี้ไงน้ำลดทีละเซนติเมตรในขณะน้ำขึ้นทีละเมตร เหมือนกันครับยังไงๆก็เอาไม่อยู
ปกป้องดูแลป่าให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยทั้งภาครัฐ เอกชน ปชช. ทั้งแก้กฎหมายให้มีโทษสถานหนักสุดๆทั้งไปช่วยกันปกป้องดูแล รัฐจะต้องให้งบประมาณมามากพอ เอกชน ปชช.ต้องร่วมด้วยช่วยกันบริจาคสักครึ่งหนึ่งของน้ำท่วมครั้งนี้ก็พอ เพื่อมีเงินไปจ้างคนมาปกป้องดูแล หรือเป็นค่าอาหารการกินเหล่าอาสาสมัครที่ไปช่วยปกป้องป่าปกป้องต้นไม้ ทุกป่าเปิดให้คนเข้าไปท่องเที่ยวให้ไกลๆหน่อยเพราะปกปิดป่าไม้ไว้บางที ทั้งนายทุน ขรก. นักการเมือง กำลังแอบโค่นโครมๆลับหูลับตาเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตราย ฮ.ทั้งของราชการทุกกรม กอง กองทัพ นักข่าว ต้องบินวนดูสลับกันวันเว้นละกัน รับรองน่าค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่ใช้ช่วยน้ำท่วมเยอะ และยิ่งเทียบกับความเสียหายหลายแสนล้านบาทนะจิ๊บๆครับ
กระบี่ออนทัวร์
แล้วทั้งประเทศหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ รัฐวิสาหกิจที่ร่ำรวยๆ วงการสื่อทีวี นสพ. วิทยุ เหล่าอาสาสมัคร ปชช.ทั้งประเทศช่วยกันครับจะช่วยด้วยเงิน ช่วยด้วยอุปกรณ์ หรือช่วยด้วยแรง ไปช่วยกันครับตั้งเป้าไว้เลยภายในสองปีต้องเปลี่ยนทุกภูเขา ทุกดอย ที่โดนโค่นป่าทำลายป่า ให้พลิกกลับมามีต้นไม้ปกคลุมให้หมด แล้วเราก็ช่วยกันดูแลบริหารป่าให้กลับคืนมาให้ไกได้ภายใน 10 ปีภูเขาหัวโล้นต้องไม่มีในประเทศไทยไม่ว่าภาคไหน และต้องเพิ่มพื้นที่ป่าที่เคยมีอยู่ เมื่อ 40 ปีที่แล้วว่ามี 300,000 กว่าไร่ แต่ตอนนี้เหลือเพียง 100,000 กว่าไร่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไร่ที่นา รีสอร์ท สนามกอล์ฟ รง. บ้านที่อยู่อาศัยที่ไปบุกรุกเอามาทำกิน ภายใน 20 ปีหลังสุดให้เอากลับมาเป็นพื้นที่ป่าให้หมดอย่างน้อยต้องเพิ่มพื้นที่ป่าไม้เป็น 200,000 กว่าไร่ครับ
แล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่า อ้าว!!!!แล้วชาวเขาชาวบ้านก็ไม่มีที่ทำกินไม่มีที่อยู่อาศัยสิ ไม่เห็นยากเลย พลิกวิธีคิดเราก็ให้ชาวเขาชาวบ้านนั่นแหละทำงานปลูกป่าดูแลป่าแทน การทำลายป่าเพื่อยางพารา ต้นปาล์ม ต้นยูคานะ ไม้เศรษฐกิจอีกหลายอย่าง แล้วรัฐบาลก็จ่ายเป็นค่าปลูกและดูแลป่าไป และบางแห่งอาจจะสร้างคอนโดให้อยู่แทนให้ชาวเขา ชาวบ้านอยู่แทนการให้อยู่เป็นหมู่บ้านที่ใช้พื้นที่ไปเยอะ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าชาวบ้านจะไม่...เอาถ้าเรารู้จักพูดรู้จักโฆษณา อย่างมือถือยี่ห้อหนึ่งเคยเอาคุณยายที่เป็นแม้วดอยปุยว่า เด๋วนี้เขาปั๊ดตะนาเล้ว นั่นแหละ ต้องออกกม. คุมให้ได้อย่างเด็ดขาดว่าห้ามไปบุกรุกป่าเพื่อทำไร่ทำนาหรือปลูกบ้านเด็ดขาด เอาให้อยู่หมัดแบบรัฐบาล USA คุมพวกอินเดียแดงนั่นแหละ รีสอร์ท สนามกอล์ฟนายทุนต้องไม่มีให้เห็นอีก ต่อไปใครจะไปเที่ยวก็กลางเต้นเอามีจนท.ป่าไม้ อาสาสมัคร คอยดูแลความปลอดภัย อีกอย่างต้องไปช่วยเคลียร์การเมืองภายในประเทศพม่า ไม่งั้นทางเหนือก็มีชาวไทยใหญ่กับพวกชาวเขาเผ่ามูเซอ ลีซอ เย้า อีก้อ แม้ว แห่เข้ามาอยู่เพราะถูกพม่าเข่นฆ่าทำร้ายเอา บอกตรงๆว่าชาวเขาที่อยู่ในประเทศไทยแต่ดั้งเดิมน่ะมีน้อยมาก แต่50-60% นี่เพิ่งหนีจากพม่าเข้ามาไม่เกิน 15 ปีนี้ ส่วนทางตาก ลงไปจนถึงกาญจนบุรี ก็มีกระเหรี่ยง มอญแห่กันเข้ามา พวกนี้มาอยู่ตามชายแดนหักล้างถางป่าเป็นที่อยู่ที่ทำกินไม่รู้จักจบสิ้น
ทำไมเราต้องปกป้องดูแลและฟื้นฟูป่าไม้ต้นไม้กลับมาให้ปกคลุมภเขาทุกลูกทุกภาค เพราะป่าไม้ที่มีเฟิร์นมีพืชเล็กเถาไม้เลื้อยและต้นไม้ใหญ่ จะทำหน้าที่ 2 ประการสำคัญของการเป็น Input ระบบการบริหารจัดการน้ำ คือหน้าฝนเวลามีฝนตกลงมาบนยอดเขาไหล่เขากลางเขา เนินเขา ตีนเขา ต้นไม้ใหญ่โดยสัญชาติญาณและมันจะดูน้ำไว้จนพุงกลางแบบอูฐนั่นแหละ เพราะรู้ว่าอีกไม่นานก็จะเข้าหน้าแล้วแล้วและจะอยู่แบบไม่มีน้ำให้ดื่มกินอีกแม้แต่...หยดเดียว เหมือนกบจำศีล แบบเดียวกันเปรี๊ยบเลย นี่คือระบบธรรมชาติที่มองผ่านสายตาคนธรรมดาๆแบบพวกเราไม่ต้องไปเรียนวนศาสตร์มาก็มองออกครับ แต่ต้นไม้ดูดกินน้ำไปจนพุงกลางท้องจะแตกก็ต้องมีการขับถ่ายออกมาเป็นธรรมดาของสิ่งมีชีวิต ชิมิล่าาา ขับถ่ายทั้งหมดแหละ ทั้งฉี่ ทั้งเหงื่อที่ไหลหยดแหมะๆแหมก็หน้าร้อนนี่นะยืนตากแดกทั้งปีทั้งชาติก็เหงื่อไหลเป็นธรรมดา อ๋อรวมทั้งขากถุยน้ำลายทิ้งด้วยนะ นี่คือที่มาของการปล่อยน้ำให้ยังไหลรินในช่วงหน้าแล้งไงละจร้า ดังนั้นๆๆๆสรุป ต้นไม้และป่าไม่จะทำหน้าที่ชลอน้ำไหลลงสู่ที่ราบลุ่มในหน้าฝน และ ปล่อยน้ำไหลรินลงมาไม่ขาดสายในหน้าแล้งจร้าาาาา กระบี่ออนทัวร์
ดังนั้นต้นไม้กับป่าไม้จะทำหน้าที่ ในการ Input ระบบการบริหารจัดการน้ำ 2 อย่างที่ว่าไว้ หากเราไม่เน้นตรง Input แต่เราเน้นแค่ ขั้นตอนProcess และ Output ไม่ว่าจะสร้างเขื่อน สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างอุโมง สร้างคันกั้นน้ำ ถ้าหน้าแล้ง บอกตรงๆถ้าเราไม่ไปปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้ต้นไม้ใหญ่ให้กลับมาโดยเร็ว เลย 5 ปีต่อจากนี้ หน้าแล้งน้ำปิงแห้งขอดแน่นอน เพราะทุกวันนี้ก็แทบจะเป็นอยู่แล้ว เมื่อน้ำปิงแห้งชาวบ้านก็ทำไร่ท ำนาทำสวนไม่ได้ ส่วนคนในเมืองไม่ว่าจะอยู่ที่ รร. สนามกอล์ฟ รง. ห้าง รพ. คอนโด อพาร์ทเม้น หมู่บ้านจัดสรรแบบคนทั่วไปหรือ ไฮโซ ไม่มีน้ำใช้ครับ ไม่มีน้ำกิน ไม่มีน้ำอาบ หน้าร้อนนะครับ แล้วหลังจากนั้นจว.ถัดลงมาอย่างลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิโลก พิจิตร ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ยุดยา ปทุม แล้วก็ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี ไม่มีน้ำกินน้ำใช้แล้วละพี่น้อง บ้านเมืองจะวุ่นวายกว่านี้ลุกเป็นไฟ คนจะทะเลาะแล้วฆ่ากันตายเพเลยละเพราะแย่งน้ำกันกินกันใช้น่ะ และทุกเขื่อนก็ไม่มีน้ำพอปล่อยออก มาให้ ปชช.ดื่มกินพอนะ น้ำท่วมคนไม่ค่อยทะเลาะกันนะ ไม่ฆ่ากันด้วย มีแค่คู่เดียวมั้ง เพราะทุกคนหนีตาย น้ำท่วมอยู่กับน้ำเย็นดี แต่น้ำแล้งไม่ได้ดื่มไม่ได้อาบร้อนทั้งกายทั้งใจ ฆ่ากันแหลกลานแน่ๆเลยนิ
สรุปเรื่องการบริหารจัดการน้ำนั้นถ้ายังไม่ได้ลงมือบริหารจัดภูเขาแดนทั้งเทือกและทุกดอยในภาคเหนือ และทุกภูในภาคอื่นๆ จะเอาปัญหาให้อยู่แบบยั่งยืนหรือครอบ คลุมได้ยาก แม้จะมีเขื่อน มีคลอง มีอุโมง มีฝลัดเวย์ ก็บริหารยาก เพราะถ้าหน้าฝนน้ำท่วมทุกคน ทุกเขื่อน ทุก คลอง ต่างก็ไม่ยอมให้น้ำไปหาไปอยู่ด้วย ไม่ยอมเก็บน้ำไว้ แต่หน้าแล้งไม่มีน้ำสักหยด ทุกคน ทุกเขื่อน ทุกคลอง ต่างก็วิ่งไปแย่งชิงกันเอามาให้ได้ แล้วจะอย...ู่กันแบบนี้รึ มีแต่ตายกะตาย เงินงบประมาณที่มีไม่ต้องเอาแต่สร้างเขื่อนๆๆๆคลองๆๆๆอุโมงๆๆๆฝลัดเวย์ๆๆๆเครื่องสูบน้ำๆๆๆอย่างเดียวนะเพราะจะเป็นเงินมหาศาล สร้างเสร็จหมดทุกอย่าง ก็แค่คนกรุงเทพกับบางส่วนบางพื้นที่ รอด แต่คนส่วนใหญ่ใน ตจว.ท้องไร่ท้องนา สวน ไม่รอด หน้าแล้งเขื่อน อุโมง คลอง ฝลัดเวย์ No Meaning ทุกคนทั้งใน กทม. ตจว. อดน้ำตาย และตายจากฆ่ากันเพราะแย่งน้ำ สู้เอาเงินบางส่วนและเชิญชวนทุกคนไปปกป้องป่า ดูแล ฟื้นฟูป่าไม้ต้นไม้ใหญ่ๆ ไปแอ่วป่าแอ่วดอย ไปชมบรรยายกาศดีๆที่เห็นป่าเขียวชะอุ่มทุกภาคส่วนของเมืองไทย This is The real New sustainable Thailand
เมื่อต้องปล่อยน้ำปิงออกจากเขื่อนภูมิพลในปริมาณมากมายมหาศาลขนาดนี้ไม่ว่าจากเหตุผลที่แท้จริงด้วยสาเหตุไรก็ตามตาม จึงทำให้ทัพน้ำปิงมหาศาลก็บุกตลุยลงมาข้างล่างแบบไม่มีอะไรขวางได้ต้านได้ ดังนั้นการเกิดการไหลการไปการกระหน่ำแบบแม่คงคาพิโรธจึงเหมือนกันกับแม่น้ำวัง ยม น่าน นั่นแหละขอให้ทุกคนเข้าใจได้เลยแม่น้ำ 4 สายนี้มีลักษณะการเกิด การอยู่ การไปเหมือนกันหมดแม้ไม่ 100 % ก็ตาม การเกิดของแม่น้ำแต่ละสายนี่แหละคือ Input ของกระบวนการบริหารจัดการน้ำที่เรากำลังพูดกันอยู่นี่ แม่น้ำปิงเกิดบนเทือกเขาแดนลาว ดังนั้นแม่น้ำวัง ยม น่าน ก็มีลักษณะเหมือนกันน่ะแต่ขอบอกไว้ตรงนี้ว่าข้าพเจ้าไม่มีข้อมูล 100% เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่ที่แม่น้ำ 3 สายนี้กำเนิด
การเกิด การอยู่ การไปของแม่น้ำแต่ละสาย เราก็จะต้องดูใน 2 มิติใช่ไหมละ คือ ปริมาณ และคุณภาพ ปริมาณคือหน้าแล้งทุกวันนี้น้ำปิงแห้งกว่าแต่ก่อนสุดๆแบบว่าเกิน 5 ปีต่อไปข้างหน้าหน้าแล้งเกษตรกรไม่น่าจะมีน้ำปลูกพืชผักอะไรได้เลยแหละ และคนที่อยู่ในตัวเมืองแต่ละจังหวัดก็คงไม่มีน้ำประปาพอกินพอใช้ สนามก๊อฟ โรงงานก็คงต้องปิดกิจการ หรือลดกำลังผลิตลง เพราะปริมาณน้ำไม่พอเรื่องนี้เคยเกิดในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมใน จ.ระยองยุคสมัยนายกทักษิณน่ะ เพราะจำได้ว่ารองนายกสมคิดออกมาขู่ให้ผู้ว่าการนิคมเอาคอพาดเขียงไว้รอฟัน ส่วนหน้าฝนก็เห็นว่าแต่ก่อนน้ำปิงไม่ค่อยท่วมมาก แต่ระยะหลังเริ่มท่วม เมืองเชียงใหม่ และลำพูนแบบถึงเอวถึงหน้าอกไปหลายครั้งแล้วน่ะครับ และปล่อยทัพเล็กทัพหน้าโจมตีหลายพื้นที่ในภาคกลาง และ กทม.หลายครั้งแล้วนี่ แต่ทุกคนก็ไม่มีใครไปดำเนินการตรงจุด Inputของแม่น้ำแต่ละสายเลย เอาแต่จะทำเขื่อนทำคลอง ทำที่ระบายน้ำอยู่ตลอดทุกครั้งที่คุยกันประชุมกัน
ส่วนอีกมิติหนึ่งคือคุณภาพน้ำใช่ไหมว่าแม่น้ำแต่ละสายปัจจุบันสกปรกกว่าสมัยก่อนมากก็มาจากสาเหตุใหญ่ๆคือการใช้สารเคมีของเกษตรกร การปล่อยน้ำเสียและมีสารเคมีเจอปน จากโรงงาน โรงแรม สนามก๊อฟ สถานบริการทุกประเภทเช่นห้าง ภัตราคาร โรงแรม โรงหนัง รพ.และชุมชน ต่างๆใช่ไหมละ เวลาไปเก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจวัดคุณภาพ ก็เกินค่ามาตรฐานตลอด ไม่ว่าค่าหลักๆง่ายๆอย่างค่า Ph , Bod , Cod , Grease & Oil , Cromium โอ๊ยผมก็จำไม่ห...มดเพราะผมมันนักรัฐศาสตร์ไม่ใช่นักวิทยา หรือ นักสิ่งแวดล้อม นี่ทุกวันนี้ก็แย่มากน่ะบางที่เกิดจากเหมือง หรือ โรงงานที่ไปผลิตสินค้าบางอย่างปล่อยสารบางชนิดลงแม่น้ำลำคลองจนทำ ให้ชาวบ้านบางแห่ง มีอาการทาง ผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย และอีกอื่นอีกไง เอ้าขอจบตรงนี้ก่อน ที่จะ ขึ้นส่วน Input กระบวนการบริหารจัดการน้ำเสียที
แต่ที่เป็นวัตถุดิบหลักของส่วนที่เป็น Input ของกระบวนการบริหารจัดการน้ำคือ ต้นไม้กับป่าไม้ครับ สมัยผมเป็นเด็กยังอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ในหลวงท่านไปทำโครงการหลวงปลูกป่าปลูกต้นสนสองใบในอำเภอเชียงดาว ไปอำเภอเวียงแหง ท่านให้คนงานหลวงไปปลูกต้นสนสองใบบนภูเขาหัวโล้นที่เกิดจากชาวเขาเผ่ามูเซอ ลีซอ ทำไร่เลื่อนลอย ท่านปลูกแล้วให้คนดูแลป้องกันไม่ให้ไฟป่าไหม้ป่าสนโดยเฉพาะฤดูแล้ง และในหลวง ราชินี พระเทพ ฟ้าหญิงเล็ก... บางครั้ง ฟ้าชายก็เสด็จ ซึ่งฤดูหนาวทุกพระองค์ก็จะไปประทับที่พระตำหนักภูพิงค์ฯซึ่งไปทุกปีสิ่งที่ท่านจะทำหลักๆคือไปพระ ราชทานปริญญาแก่เหล่าบัณฑิต มหาบัณฑิต ของ มช. ส่วนเวลาที่เหลือท่านทรงขึ้น ฮ.นั่งรถยนต์ตะลุย ไปตามภูเขา ไปยอดดอย ตามท้องไร่ท้องนา ไปดูตามแม่น้ำลำห้วย ทุกแห่ง เพื่อดูว่าต้องทำอะไรทำเท่าไหร่ ทำเมื่อไหร่ เพื่อคอนโทรล Input ที่จะเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งตอนหลังป่าโครงการหลวงให้ความชุ่มชื้นแก่ที่ดินมากทำให้หน้าแล้งน้ำที่เคยแห้งเหือดหลายสายก็กลับมามีน้ำไหล หน้าฝนพอฝนตกมากก็มีต้นสนต้นไม้อื่นๆที่กลับมาเป็นป่าทึบคลุมภูเขาทุกลูกก็ดูดซับน้ำฝนที่ตกลงมาบนยอดเขาต่างๆได้ครึ่งต่อครึ่ง จึงทำให้น้ำป่าไม่ไหลพรวดๆๆๆมากระหน่ำ เมืองเชียงใหม่ หรือ อำเภอแม่แตงแบบที่ผ่านมาไงละ
แต่หลายปีมานี้ที่ในหลวงท่านพระชนมายุเยอะ รวมทั้งสมเด็จพระบรมราชินีด้วยไม่ได้ไปดูป่าตามโครงการต่างๆที่ปลูกไว้ จึงทำให้สิ่งที่เห็นได้ง่ายที่สุดคือโครงการหลวงที่ปลูกไม้สนสองใบไว้บนดอยขุนคอง อ.เชียงดาว พวกลีซอก็เริ่มมาตัดป่าสนเผาทิ้งทำไร่เลื่อนลอยจนบางแห่งหมดภูเขาไปทั้งลูก บางเขาก็หายไปครึ่งลูก บางภูเขาก็แหว่งไปบางส่วน นี่แค่ที่เห็นโครงการหลวงตามถนนใหญ่ผ่านนะ แล้วป่าทางเชียงราย พะเยา และทั่วภาคเหนือ...ละ เราก็เห็นเหมือนกันหมด หลายที่หลายแห่งป่าไม้จะหมดไปทั้งภูเขาภายในแค่ 2-3 วันเองครับ ป่าไม้หมดไปเพราะอะไร ทำไร่เลื่อนลอยชาวเขา ชาวบ้านไปหักร้างถางพงเพราะไม่มีที่ทำกินเนื่องจากที่ทำกินที่มีอยู่เดิมก็ขายรับประทานแป้บเดียวเงินก็หมด ก็ไปหักล้างถางป่าในพื้นที่ลึกเข้าไปอีก บางที่ก็มีนายทุนไปจ้างชาวบ้านหักล้างถางป่าเพื่อทำรีสอร์ท สนามก้อล์ฟ ทำฟาร์มสุดหรู ตัดไม้ขายทั้งชาวบ้านและนายทุนใช่ไหมละ แล้วมี ขรก.นักการเมืองเป็นแบ็คอัพอย่างดีแบบว่าไม่ต้องกลัวโดนจับ พวกมึงโดนจับก็ไม่มีวันติดคุก แค่รู้ว่ากูอยู่เบื้องหลังทุกอย่างหลุดหมดแหละ แบบนี้ไง สันดานคนไทยจำพวกหนึ่งไล่ตั้งแต่ ชาวเขา ชาวบ้าน นายทุน ขรก. นักการเมือง มักง่ายหาแดกแบบง่ายๆไม่อยากลำบากแบบทำไปเหอะไม่เสียหายอะไรหรอก นี่ไงกรรมไหมละอยู่ กทม . แต่อยากไปเป็นมากเจ้าของรีสอร์ทสวยๆในตจว.ภาคเหนือ แล้วมีเงินปลูกบ้านเป็นหลัก 10 ล้าน 100 ล้านบาท แล้วไงธรรมชาติเอาคืนแล้วไง วันก่อนนายอะไรนะที่ดังๆบอกว่าเท่าเทียมกันครับหมู่บ้านผมมีแต่คนรวยๆ พวกผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยกหูคุยเป็นการส่วนตัวกับ นรม. ผู้ว่า กทม. แต่โดนเหมือนกันหมดรถจมมิดคันทั้งหมู่บ้าน แล้วทำไมคนไทยเราส่วนมากไม่ทำเหี้ยแบบพวกห่านี้ ทำไมเราต้องรับกรรมกะพวกมันแหมก็พวกมันทำผิดพวกเราดันปิดปาก ธรรมชาติจึงลงโทษหมู่แบบตอนที่เราเรียน รด.แล้วมีเพื่อนทำผิดแล้วไม่มีใครชี้ตัวไอ่เวรนั่น ครูฝึกเลยจับลงโทษหมู่ไง เหมือนกันครับพี่น้อง สังคมไทยเรายอมให้คนทำผิดแล้วกลับยอมรับที่พวกมันร่ำรวยเลยโดนซะไปกะพวกมันไง Get ยังละ 55555
สิ่งที่เห็นมาตลอดคือที่ไม่มีใครพูดที่ทำให้ป่าไม้ทางภาคเหนือถูกทำลายมากกว่าที่ควรจะเป็นมีอีก 2 ประการคือ 1.การที่ประเทศไทยปฏิบัติต่อชาวเขาทุกชนเผ่าแบบเป็นพวกด้อยโอกาสแบบมีสิทธิพิเศษ คือให้อภัย ไม่ให้ใช้ไม้แข็งลงโทษตามกม.เวลาพวกนี้ทำผิดโดยเฉพาะการตัดไม้ทำลายป่าแม้เห็นตัดเป็นภูเขา ทั้ง ทหาร ตร. ฝ่ายปกครองเวลาขับรถผ่านก็หลับตาแบบสนิทข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งพยายามหรี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แบบเหลือกะตี๊ดนึง แค่ไม่ให้รถตกขอบถนนแค่นั้นแหละ ดังนั้นการที่ไม่เคยเฆี่ยนตีพวกชาวเขาเลย ได้แต่ใช้แต่พระคุณนะทำให้พวกชาวเขาไม่เกรงใจและหลายคนรู้สึกว่าพวกเขาได้สิทธิพิเศษ ทำอะไรก็ไม่ผิด นั้นนำมาซึ่งความฉิบหานเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าแบบไม่จบไม่สิ้น จริงอยู่การใช้มาตรการเชิงบวกให้ปลูก พืชผักเมืองหนาวนั้นดีไหม ต้องตอบว่าดีและได้ผลมาก แต่อย่างว่าแหละ ชาวเขา ชาวบ้าน นายทุน ขรก. นักการเมือง ต่างก็มีคนเป็นบัว 4 เหล่าของพระพุทธเจ้าหมด ดังนั้นการที่ไม่เอาการลงโทษตาม กม. ทำให้ชาวเขาที่เป็นพวกใต้โคลนตม ทำลายป่าอยู่ตลอด แล้วสิ่งที่ฉิบหายมากคือไปชวนญาติพี่น้องที่อยู่ฝั่งพม่า อพยพมาเรื่อยๆแบบไม่จบไม่สิ้น ชาวเขากลุ่มนี้หมายถึงพวกใต้โคลนตมที่อยู่เดิมกับที่หนีมาจากพม่า นั้นคือทำลายป่าไม้กับค่ายาเสพติดแบบไม่จบสิ้นครับ และพม่าเองก็มีสันดานแบบขี้โกงคือไม่อยากให้คนเชื้อชาติอื่นอยู่ในแผ่นดินพม่าเพราะแผ่นดินพม่านั้นมากกว่าครึ่งพม่า
คดโกงเอาแผ่นดินกระเหรี่ยง มอญ ไทยใหญ่ คะฉิ่น ไป พม่าพอรู้ว่ามีแบบนี้ด้วยก็เล่นงานทุกเชื้อชาติให้ไม่อยากอยู่พม่าต่อไปแต่ขอมาตาบดาบหน้าในเมืองไทยไงละครับ
เอ้าต่อครับจะได้จบๆ อีกประการหนึ่งก็คือ การที่พม่ารู้ว่าไทยใจอ่อน สิ่งที่พม่าทำคือ เล่นงานกลั่นแกล้งพวกชนกลุ่มน้อย ทางเชียงใหม่เชียงรายติดรัฐฉาน คือพวกไทยใหญ่โดยทหารพม่าก็จะคอยมาเผาบ้านพวกไทยใหญ่ทิ้งเป็นหมู่บ้านๆ ฆ่าทั้ง หญิง ชาย เด็ก โดยเฉพาะผู้หญิงจะถูกทหารพม่าข่มขืนเป็นว่าเล่น ซึ่งการข่มขืน บางครั้งโดนเรียงคิวเป็นหลายสิบคน หรือข่มขืนเสร็จก็ฆ่าทิ้ง ส่วนผู้ชายพอเป็นผู้ใหญ่ก็บังคับไปหาบเสบียง อาวุธ ยุทโธปกรณ์ แล้วให้เดินนำทหารพม่า เวลาเข้ารบกับพวกกำลังชนกลุ่มน้อยเพื่อป้องกันการวางกับระเบิด หรือพลซุ่มยิ่งก็ให้พวกลูกหาบที่เป็นพวกไทยใหญ่รับลูกปืนลูกระเบิดให้ทหารพม่าตั้งตัวทันกระโดดหนีได้ ส่วนทางจังหวัดตากก็พวกกระเหรี่ยง ทางกาญจนบุรีก็พวกมอญ เป็นแบบนี้หมด เลยทำให้พวกไทยใหญ่พากันหนีมาอยู่ในประเทศไทยไม่รู้จบสิ้น แรกๆก็มาแค่ผู้ชาย ตอนหลังจากมาผู้หญิง แล้วพอชินพื้นที่ก็ไปขนมาทั้งตระกูล พ่อแม่ลูกหลานพ่อตายแม่ยาย โห แล้วพากันเข้ามาทำงานในเชียงใหม่เต็มไปหมดแล้วบอกเลยว่าทั้งที่ทำงานราชการ เอกชน พวกแม่บ้านเป็นชาวไทยใหญ่หมด คนใช้ตามบ้าน กรรมกรก่อสร้าง ยามหรือแม้แต่ทำของผิดกฎหมายมีหมดเลยทั้งหญิงทั้งชาย บอกตรงๆ เชียงใหม่เดี๋ยวนี้กลายเป็น New Shan State ไปแล้วแหละในทางปฏิบัติ เหมือนพรรคพวกบอกว่าที่สมุทรสาครก็เหมือนกันเป็น New Mynmar Country ไปนานแล้วครับ ดังนั้นพวกนี้พอมาอยู่ตามชายแดนตามห้วยตามเนิน ตามเขา ก็สร้างหมู่บ้านขึ้นหมดภูเขาไปเป็นลูกๆเลยละกันโดยเอาเงินจากมาทำงานในเมืองเชียงใหม่ส่งไปสร้างบ้านซื้อจยย. ขี่ไปมาทั้งในเมืองและชายแดน ลองไปดูเหอะที่ขายของแล้วพูดไม่ชัดน่ะส่วนมากจะเป็นสาวไทยใหญ่ฝั่งพม่าย้ายมาทั้งนั้นแหละ นี่ก็ทำให้คนไทยใหญ่ที่อพยพหนีมาตอนี้ทั่วประเทศไทยน่าจะเกินล้านคนแล้ว แต่ยังไม่หมดน่ะ ไทยใหญ่มีทั้งหมด ประมาณ 13 ล้านคน พม่าก็พยายามบีบต่อไปให้ย้ายออกมาเรื่อยๆ แล้วพวกไทยใหญ่ก็อยากมาอยู่กะไทยน้อยเหลือเกินเพราะรู้สึกว่าเป็คนเชื้อสายเดียวกันกับคนไทยน่ะ แบบ 3 จ.ชต.ที่อยากไปอยู่กับมาเลย์นั่นแหละ เอ้อพูดไปก็หนักใจไทยแลนด์เจอทั้งๆขึ้นทั้งล่องผิดฝาผิดเผ่าไปหมดแบบเนี๊ย
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุยต่อประเด็น Input ของระบบการบริหารจัดการน้ำต่อจากสัปดาห์ที่แล้วดีกว่า อย่างที่บอกไงว่าหากเรามาดูและให้ความสำคัญแค่ขั้นตอน Process และOutput ที่ว่าจะสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ขุดคลอง ก่อกำแพง สร้างอุโมง ฝลัดเวย์ เครื่องสูบน้ำออกจาก กทม.ไปลงทะเล หรือ เห็นว่าจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่บนดอยอินทนนท์ หรือ ไปอยู่กะแม้วที่ดอยปุย โดยที่ไม่คิด ไปพูด ไปทำ ไปบริหารตรง Input ของระบบการบริหารจัดการน้ำนะ ยังไงก็แก้ปัญหาได้แค่ครึ่งเดียวอยู่ดี แต่ก่อนบอกว่าน้ำท่วม น้ำแห้ง เลยมีการสร้างเขื่อนป่าสักขึ้นมา แต่น้ำท่วมครั้งนี้สาเหตุหนึ่งก็เพราะเขื่อนป่าสักปล่อยน้ำมานั่นแหละจร้า ดังนั้นก็เลยอยากจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นให้รู้แล้วรู้แรดซะให้ได้ อันนี้ไม่ได้บอกว่าสร้างแล้วดีหรือไม่ดี แต่รับรองว่าสร้างแล้วสักวันหากไม่มีการดำเนินการที่ต้นสายน้ำ เขื่อนแก่งเสือเต้นก็จะต้องปล่อยน้ำลงมาอาละวาดทำร้ายปชช.แบบเสือสมิงเลยละตะปบไม่เลือกฆ่าก็ไม่ตาย อรื๋ยยยยๆๆๆๆแค่คิดก็สยองซะเล้ว
เราต้องดูแลและฟื้นฟูป่าตามเทือกเขาแดนลาวในเขต จว.ภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่เชียงรายแม่ฮ่องสอน ลำปาง แพร่ น่าน ตาก อุตรดิตถ์ และขยายไปภาคอื่นทั่วประเทศเพื่อป้องกันน้ำท่วมดินถล่มทั้งอีสาน และภาคใต้ การดูแลและฟื้นฟูป่าต้องทำให้มากกว่านี้ 10% หรืออาจจะถึง1,000 เท่า แต่ผมว่า 10,000 เท่าหากคนไทยระดมช่วยกันซะครึ่งหนึ่งที่ช่วยน้ำท่วมตอนนี้ก็เหลือเฟือครับ แต่การดูแลฟื้นฟูป่า ขั้นแรกไม่ใช่ปลูกป่านะครับ เพราะ...ปลูกป่าแล้วทำให้สถานการณ์ดีขึ้นไม่ทันปลูกวันนี้กว่าจะใช้ได้เป็น 10 ปีขึ้นไป ดังนั้นสิ่งที่คนไทยต้องช่วยกันทำอย่างแรกสุดคือปกป้องป้าปกป้องต้นไม้ที่ขึ้นโดยธรรมชาติมาเป็น 100 ๆ ปี และป่าที่ในหลวงกับสมเด็จฯท่านได้ไปปลูกไว้ตามโครงการหลวง ที่มีอยู่หลายแห่งในเขตภาคเหนือ ไม่ให้ชาวเขา ชาวบ้าน นายทุน ขรก. นักการเมือง ที่เป็นบังใต้โคลนตมของพระพุทธเจ้า ทำเลวระยำหากินกับการทำลายธรรมชาติอีกเด็ดขาด ทุกคนต้องช่วยกันดูแล ช่วยกันบริจาคเพื่อใช้เป็นค่าแรงเบี้ยเลี้ยงจนท.และคนงานที่จะต้องไปดูแล ไม่ให้ทำลายแก้ไขกฎหมายให้มีบทลงโทษสถานหนักโดยโทษสูงสุดอาจจะต้องยิงเป้าเหมือนที่รัฐบาลจีนได้ดำเนินการหลายๆกรณี
ปกป้องดูแลต้นไม้ที่โตมาโดยธรรมชาติเป็นร้อยๆปีกับป่าโครงการหลวงให้ได้ก่อน ถึงจะเข้าขั้นที่สองคือไปปลูกป่า แต่การปลูกป่านั้นไม่ใช่ปลูกโชว์เพื่อทำ CSR อย่างเดียวแบบทำกันในปัจจุบันแต่เราต้องวิเคราะห์ว่าต้องปลูกต้นไม้อะไร ปลูกตรงไหน ไม่ใช่ปลูกเฉพาะเนินหรือตีนเขา แต่ปลูกให้เต็มเขาเป็นลูกๆแบบโครงการหลวงที่ดอยขุนคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่นั่นแหละ ปลูกให้ได้อย่างเร่งด่วนปีเด๊ยวแบบครบทุกภูเขาทุกดอยทุกภู ทำได้ครับหากคนทั้งประเทศช่วยกันแบบช่วยน้ำท่วมแบบนี้ ไปปลูกเลยว่า จ.ไหน อ.ไหน จะปลูกดอยไหน ภูไหน เนินไหน OK แค่นี้ก่อนขอไปทานข้าวเที่ยงก่อนเด๋วมาต่อครับ
ที่เราจะต้องไปดำเนินการปกป้องดูแลไม่ให้ป่าไม้ต้นไม้ที่โตมาตามธรรมชาติเป็นร้อยๆปีไม่ให้ถูกทำลาย แทนการไปปลูกใหม่น่ะเพราะหนึ่งความสามารถในการดูดซับน้ำไว้เวลาฝนตกของต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุเป็นร้อยๆปีนั้น จะดูดซับน้ำฝนที่ตกมาได้มากกว่าต้นไม้ที่เราไปปลูกไม้กันเป็นหลายร้อยเท่า อีกอย่างเวลาเราทำ CSR ไปปลูกกันที่ใช้คนใช้งบประมาณไปมากมายแล้วได้ต้นไม้ที่รอดตายเติบโตขึ้นไปเป็นต้นไม้ใหญ่กี่ต้นและกว่าจะมีความดูดซับน้ำได้เท่าต้นไม้ธรรมชาตินั้นกี่ปี แต่ต้นไม้ป่าไม้ตามธรรมชาติหากเราไม่ปกป้องดูแลอย่างเด็ดขาดแค่ชาวเขาชาวบ้าน นายทุนใช้คนแค่ไม่กี่คนวันเดียวโค่นต้นไม้ที่โตมาเป็นร้อยปีไปเท่าไหร่ ทำลายป่าไปครึ่งเขาแล้ว แบบตอนนี้ไงน้ำลดทีละเซนติเมตรในขณะน้ำขึ้นทีละเมตร เหมือนกันครับยังไงๆก็เอาไม่อยู
ปกป้องดูแลป่าให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยทั้งภาครัฐ เอกชน ปชช. ทั้งแก้กฎหมายให้มีโทษสถานหนักสุดๆทั้งไปช่วยกันปกป้องดูแล รัฐจะต้องให้งบประมาณมามากพอ เอกชน ปชช.ต้องร่วมด้วยช่วยกันบริจาคสักครึ่งหนึ่งของน้ำท่วมครั้งนี้ก็พอ เพื่อมีเงินไปจ้างคนมาปกป้องดูแล หรือเป็นค่าอาหารการกินเหล่าอาสาสมัครที่ไปช่วยปกป้องป่าปกป้องต้นไม้ ทุกป่าเปิดให้คนเข้าไปท่องเที่ยวให้ไกลๆหน่อยเพราะปกปิดป่าไม้ไว้บางที ทั้งนายทุน ขรก. นักการเมือง กำลังแอบโค่นโครมๆลับหูลับตาเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตราย ฮ.ทั้งของราชการทุกกรม กอง กองทัพ นักข่าว ต้องบินวนดูสลับกันวันเว้นละกัน รับรองน่าค่าใช้จ่ายน้อยกว่าที่ใช้ช่วยน้ำท่วมเยอะ และยิ่งเทียบกับความเสียหายหลายแสนล้านบาทนะจิ๊บๆครับ
กระบี่ออนทัวร์
แล้วทั้งประเทศหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ รัฐวิสาหกิจที่ร่ำรวยๆ วงการสื่อทีวี นสพ. วิทยุ เหล่าอาสาสมัคร ปชช.ทั้งประเทศช่วยกันครับจะช่วยด้วยเงิน ช่วยด้วยอุปกรณ์ หรือช่วยด้วยแรง ไปช่วยกันครับตั้งเป้าไว้เลยภายในสองปีต้องเปลี่ยนทุกภูเขา ทุกดอย ที่โดนโค่นป่าทำลายป่า ให้พลิกกลับมามีต้นไม้ปกคลุมให้หมด แล้วเราก็ช่วยกันดูแลบริหารป่าให้กลับคืนมาให้ไกได้ภายใน 10 ปีภูเขาหัวโล้นต้องไม่มีในประเทศไทยไม่ว่าภาคไหน และต้องเพิ่มพื้นที่ป่าที่เคยมีอยู่ เมื่อ 40 ปีที่แล้วว่ามี 300,000 กว่าไร่ แต่ตอนนี้เหลือเพียง 100,000 กว่าไร่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไร่ที่นา รีสอร์ท สนามกอล์ฟ รง. บ้านที่อยู่อาศัยที่ไปบุกรุกเอามาทำกิน ภายใน 20 ปีหลังสุดให้เอากลับมาเป็นพื้นที่ป่าให้หมดอย่างน้อยต้องเพิ่มพื้นที่ป่าไม้เป็น 200,000 กว่าไร่ครับ
แล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่า อ้าว!!!!แล้วชาวเขาชาวบ้านก็ไม่มีที่ทำกินไม่มีที่อยู่อาศัยสิ ไม่เห็นยากเลย พลิกวิธีคิดเราก็ให้ชาวเขาชาวบ้านนั่นแหละทำงานปลูกป่าดูแลป่าแทน การทำลายป่าเพื่อยางพารา ต้นปาล์ม ต้นยูคานะ ไม้เศรษฐกิจอีกหลายอย่าง แล้วรัฐบาลก็จ่ายเป็นค่าปลูกและดูแลป่าไป และบางแห่งอาจจะสร้างคอนโดให้อยู่แทนให้ชาวเขา ชาวบ้านอยู่แทนการให้อยู่เป็นหมู่บ้านที่ใช้พื้นที่ไปเยอะ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าชาวบ้านจะไม่...เอาถ้าเรารู้จักพูดรู้จักโฆษณา อย่างมือถือยี่ห้อหนึ่งเคยเอาคุณยายที่เป็นแม้วดอยปุยว่า เด๋วนี้เขาปั๊ดตะนาเล้ว นั่นแหละ ต้องออกกม. คุมให้ได้อย่างเด็ดขาดว่าห้ามไปบุกรุกป่าเพื่อทำไร่ทำนาหรือปลูกบ้านเด็ดขาด เอาให้อยู่หมัดแบบรัฐบาล USA คุมพวกอินเดียแดงนั่นแหละ รีสอร์ท สนามกอล์ฟนายทุนต้องไม่มีให้เห็นอีก ต่อไปใครจะไปเที่ยวก็กลางเต้นเอามีจนท.ป่าไม้ อาสาสมัคร คอยดูแลความปลอดภัย อีกอย่างต้องไปช่วยเคลียร์การเมืองภายในประเทศพม่า ไม่งั้นทางเหนือก็มีชาวไทยใหญ่กับพวกชาวเขาเผ่ามูเซอ ลีซอ เย้า อีก้อ แม้ว แห่เข้ามาอยู่เพราะถูกพม่าเข่นฆ่าทำร้ายเอา บอกตรงๆว่าชาวเขาที่อยู่ในประเทศไทยแต่ดั้งเดิมน่ะมีน้อยมาก แต่50-60% นี่เพิ่งหนีจากพม่าเข้ามาไม่เกิน 15 ปีนี้ ส่วนทางตาก ลงไปจนถึงกาญจนบุรี ก็มีกระเหรี่ยง มอญแห่กันเข้ามา พวกนี้มาอยู่ตามชายแดนหักล้างถางป่าเป็นที่อยู่ที่ทำกินไม่รู้จักจบสิ้น
ทำไมเราต้องปกป้องดูแลและฟื้นฟูป่าไม้ต้นไม้กลับมาให้ปกคลุมภเขาทุกลูกทุกภาค เพราะป่าไม้ที่มีเฟิร์นมีพืชเล็กเถาไม้เลื้อยและต้นไม้ใหญ่ จะทำหน้าที่ 2 ประการสำคัญของการเป็น Input ระบบการบริหารจัดการน้ำ คือหน้าฝนเวลามีฝนตกลงมาบนยอดเขาไหล่เขากลางเขา เนินเขา ตีนเขา ต้นไม้ใหญ่โดยสัญชาติญาณและมันจะดูน้ำไว้จนพุงกลางแบบอูฐนั่นแหละ เพราะรู้ว่าอีกไม่นานก็จะเข้าหน้าแล้วแล้วและจะอยู่แบบไม่มีน้ำให้ดื่มกินอีกแม้แต่...หยดเดียว เหมือนกบจำศีล แบบเดียวกันเปรี๊ยบเลย นี่คือระบบธรรมชาติที่มองผ่านสายตาคนธรรมดาๆแบบพวกเราไม่ต้องไปเรียนวนศาสตร์มาก็มองออกครับ แต่ต้นไม้ดูดกินน้ำไปจนพุงกลางท้องจะแตกก็ต้องมีการขับถ่ายออกมาเป็นธรรมดาของสิ่งมีชีวิต ชิมิล่าาา ขับถ่ายทั้งหมดแหละ ทั้งฉี่ ทั้งเหงื่อที่ไหลหยดแหมะๆแหมก็หน้าร้อนนี่นะยืนตากแดกทั้งปีทั้งชาติก็เหงื่อไหลเป็นธรรมดา อ๋อรวมทั้งขากถุยน้ำลายทิ้งด้วยนะ นี่คือที่มาของการปล่อยน้ำให้ยังไหลรินในช่วงหน้าแล้งไงละจร้า ดังนั้นๆๆๆสรุป ต้นไม้และป่าไม่จะทำหน้าที่ชลอน้ำไหลลงสู่ที่ราบลุ่มในหน้าฝน และ ปล่อยน้ำไหลรินลงมาไม่ขาดสายในหน้าแล้งจร้าาาาา กระบี่ออนทัวร์
ดังนั้นต้นไม้กับป่าไม้จะทำหน้าที่ ในการ Input ระบบการบริหารจัดการน้ำ 2 อย่างที่ว่าไว้ หากเราไม่เน้นตรง Input แต่เราเน้นแค่ ขั้นตอนProcess และ Output ไม่ว่าจะสร้างเขื่อน สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างอุโมง สร้างคันกั้นน้ำ ถ้าหน้าแล้ง บอกตรงๆถ้าเราไม่ไปปกป้องและฟื้นฟูป่าไม้ต้นไม้ใหญ่ให้กลับมาโดยเร็ว เลย 5 ปีต่อจากนี้ หน้าแล้งน้ำปิงแห้งขอดแน่นอน เพราะทุกวันนี้ก็แทบจะเป็นอยู่แล้ว เมื่อน้ำปิงแห้งชาวบ้านก็ทำไร่ท ำนาทำสวนไม่ได้ ส่วนคนในเมืองไม่ว่าจะอยู่ที่ รร. สนามกอล์ฟ รง. ห้าง รพ. คอนโด อพาร์ทเม้น หมู่บ้านจัดสรรแบบคนทั่วไปหรือ ไฮโซ ไม่มีน้ำใช้ครับ ไม่มีน้ำกิน ไม่มีน้ำอาบ หน้าร้อนนะครับ แล้วหลังจากนั้นจว.ถัดลงมาอย่างลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย พิโลก พิจิตร ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ยุดยา ปทุม แล้วก็ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี ไม่มีน้ำกินน้ำใช้แล้วละพี่น้อง บ้านเมืองจะวุ่นวายกว่านี้ลุกเป็นไฟ คนจะทะเลาะแล้วฆ่ากันตายเพเลยละเพราะแย่งน้ำกันกินกันใช้น่ะ และทุกเขื่อนก็ไม่มีน้ำพอปล่อยออก มาให้ ปชช.ดื่มกินพอนะ น้ำท่วมคนไม่ค่อยทะเลาะกันนะ ไม่ฆ่ากันด้วย มีแค่คู่เดียวมั้ง เพราะทุกคนหนีตาย น้ำท่วมอยู่กับน้ำเย็นดี แต่น้ำแล้งไม่ได้ดื่มไม่ได้อาบร้อนทั้งกายทั้งใจ ฆ่ากันแหลกลานแน่ๆเลยนิ
สรุปเรื่องการบริหารจัดการน้ำนั้นถ้ายังไม่ได้ลงมือบริหารจัดภูเขาแดนทั้งเทือกและทุกดอยในภาคเหนือ และทุกภูในภาคอื่นๆ จะเอาปัญหาให้อยู่แบบยั่งยืนหรือครอบ คลุมได้ยาก แม้จะมีเขื่อน มีคลอง มีอุโมง มีฝลัดเวย์ ก็บริหารยาก เพราะถ้าหน้าฝนน้ำท่วมทุกคน ทุกเขื่อน ทุก คลอง ต่างก็ไม่ยอมให้น้ำไปหาไปอยู่ด้วย ไม่ยอมเก็บน้ำไว้ แต่หน้าแล้งไม่มีน้ำสักหยด ทุกคน ทุกเขื่อน ทุกคลอง ต่างก็วิ่งไปแย่งชิงกันเอามาให้ได้ แล้วจะอย...ู่กันแบบนี้รึ มีแต่ตายกะตาย เงินงบประมาณที่มีไม่ต้องเอาแต่สร้างเขื่อนๆๆๆคลองๆๆๆอุโมงๆๆๆฝลัดเวย์ๆๆๆเครื่องสูบน้ำๆๆๆอย่างเดียวนะเพราะจะเป็นเงินมหาศาล สร้างเสร็จหมดทุกอย่าง ก็แค่คนกรุงเทพกับบางส่วนบางพื้นที่ รอด แต่คนส่วนใหญ่ใน ตจว.ท้องไร่ท้องนา สวน ไม่รอด หน้าแล้งเขื่อน อุโมง คลอง ฝลัดเวย์ No Meaning ทุกคนทั้งใน กทม. ตจว. อดน้ำตาย และตายจากฆ่ากันเพราะแย่งน้ำ สู้เอาเงินบางส่วนและเชิญชวนทุกคนไปปกป้องป่า ดูแล ฟื้นฟูป่าไม้ต้นไม้ใหญ่ๆ ไปแอ่วป่าแอ่วดอย ไปชมบรรยายกาศดีๆที่เห็นป่าเขียวชะอุ่มทุกภาคส่วนของเมืองไทย This is The real New sustainable Thailand